Abiliti เทรนด์ใหม่ลดอ้วน

, , Leave a comment

Abiliti: เทรนด์ใหม่รักษาโรคอ้วน

การรักษาโรคอ้วน มีหลายวิธีด้วยกัน อาทิ การผ่าตัดดูดไขมัน การผ่าตัดเย็บกระเพาะอาหาร แต่ว่า Abiliti นี่ เป็นวิธีใหม่ ในการรักษาโรคอ้วน กล่าวคือ เป็นการผ่าตัดเพื่อติดอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิค เข้าไปในช่องท้อง โดยที่อุปกรณ์ชิ้นนี้ จะควบคุมการกินอาหารของเรา โดยที่เราสามารถตั้งโปรแกรมการกินอาหารได้ เมื่อเรากินอาหารในช่วงที่ไม่ตรงกับโปรแกรมที่เราตั้งไว้ตอนต้น Abiliti จะส่งสัญญาณไปยังกระเพาะอาหาร แล้วกระเพาะอาหารก็จะส่งสัญญาณไปยังสมองอีกต่อหนึ่ง เพื่อบอกว่า เราอิ่มแล้ว ซึ่งในที่สุดเราก็จะไม่อยากกินอาหารไปเอง

โรคอ้วน (Obesity) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อคนมีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) เกินกว่า 30 ซึ่งสำหรับคนที่เป็นโรคอ้วนนี้ จะเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย อาทิ​ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ หรือแม้กระทั่งโรงมะเร็งบางประเภท โดยสาเหตุของโรคอ้วน ยังไม่เน่นชัดเท่าไร ซึ่งสาเหตุหลัก อาจจะมาจาก การกินอาหาร แต่ไ่ม่ถือว่าเป็นสาเหตุทั้งหมด ทั้งนี้ พันธุกรรม การติดเชื้อ และโรคอื่นๆ ก็สามารถเป็นสาเหตุของโรคอ้วนได้เหมือนกัน โดยที่การรักษาโรคอ้วน ก็มีหลายแบบ อาทิ การควบคุมอาหาร การทานยา หรือการเย็บกระเพาะอาหาร เป็นต้น

Abiliti คืออะไร

Abiliti เป็นอุปกรณ์ที่ปฏิวัติแนวคิดการรักษาจริงๆ โดยที่จุดมุ่งหมายของมันก็คือ มันต้องการที่จะลดน้ำหนัด โดยที่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิจประจำวันอย่างไรเลย ซึ่งเราสามารถที่จะอธิบายถึง Abiliti ได้ง่ายๆ ก็คือ “แผ่นติดกระเพาะ” โดยที่มันใช้เทคโนโลยี่เดียวกับแผ่นติดหัวใจ

Abiliti
Abiliti: เครื่องกระตุ้นกระเพาะอาหารซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้จะถูกผ่าตัดฝังเข้าไปในผนังของช่องท้อง

ระบบของ Abiliti ประกอบไปด้วยสามส่วน คือ

1. อิเล็กโทรด ที่ใช้ติดกับกระเพาะอาหาร โดยที่จะเอาอิเล็กโทรดเข้าไปติดที่กระเพาะอาหารได้โดยการผ่าตัดเจาะช่องท้อง

2. Hardware หรือที่เรียกว่า เครื่องกระตุ้นกระเพาะอาหาร มันจะถูกวางใว้ใต้ผิวของผนังหน้าท้อง โดยที่เครื่องกระตุ้นนี้ มีขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีีด และเมื่อฝังมันเข้าไปแล้วเราก็ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก

3. Software ที่ใช้ควบคุมระบบของ Abiliti โดยที่หมอจะปรับโปรแกรมให้เหมาะสมสำหรับแต่ละคน โดยโปรแกรมที่ตั้งไว้จะถูกส่งผ่านสัญญานไร้สายเข้าไปควบคุมตัว hardware ในท้อง

Abiliti มันทำงานอย่างไร

โดยปกติแล้ว เราจะหยุดกินเมื่อเรารู้สึกว่าเราอิ่ม และถ้าเรายังกินต่อไปเราก็จะรู้สึกถึงความไม่สบายตัว โดยระบบของ Abiliti จะรับสัญญาณว่าเมื่อไรที่มีอาหาร หรือน้ำเข้าสู่กระเพาะ ระบบจะสามารถตั้งโปรแกรม เวลาอาหารปกติ และเวลาอื่นๆ ที่ไม่อนุญาติให้ทานอาหารได้ ถ้ามีอาหาร หรือน้ำ เข้าสู่กระเพาะอาหารในช่วงเวลาที่เราไม่ได้อนุญาติ Abiliti จะส่งสัญญาณไปยังกระเพาะอาหารซึ่งสัญญาณนี้ จะไปกระตุ้นเส้นประสาทที่บริเวณกระเพาะอาหารอีกทีหนึ่ง โดยเส้นประสาทที่กระเพาะอาหารนี่เอง จะส่งข้อความไปยังหน่วยควบคุมการกินอาหารส่วนกลางในสมอง ซึ่งมันก็จะไปสร้างความรู้สึกไม่อยากทานอาหารเข้าไปอีก เมื่อเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันจะไปเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร โดยที่จะทำให้ไม่อยากกินอาหารนอกช่วงเวลาปกติอีก

ระหว่างช่วงเวลาทานอาหารปกติ Abiliti จะส่งสัญญาณที่เบากว่านอกช่วงเวลาทานอาหาร โดยที่ความรู้สึกอิ่ม ก็จะมาจากการที่เราทานอิ่มจริงๆ

Abiliti ไม่ได้เพียงแค่บันทึกข้อมูลการบริโภคเท่านั้น มันยังสามารถบันทึกการเคลื่อนไหวของร่างกายอีกด้วย โดยที่ข้อมูลเหล่านี้สามารถไปแสดงผลให้กับแพทย์ประจำตัวผู้ป่วยได้

จะต้องใช้ Abiliti ไปตลอดไหม

Abiliti ไดัรับการออกแบบมาเพื่อให้ใช้ได้นานเท่าที่จำเป็น โดยเมื่อไรที่เราไม่ต้องการใช้มัน เราก็สามารถที่จะปิดสวิตซ์มันได้เลย โดยที่ทิ้งเครื่องใว้ข้างในท้อง โดยที่มันจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือเราจะปิดมันเป็นบางช่วง อาทิ ช่วงที่ตั้งครรภ์ ที่เรายังไม่อยากควบคุมเรื่องอาหาร และหลังจากนั้น เราก็มาเริ่มควบคุมอาหารอีกที ด้วยการเปิด Abiliti อีกครั้งนึงก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ของ Abiliti จะอยู่ได้ประมาณ 5 ปี หลังจากการผ่าตัดติดตั้ง เมื่อเบตเตอรี่หมด เช่นเดียวกับแผ่นปิดหัวใจ เราก็สามารถที่ผ่าตัดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ หรือถ้าเราพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้แล้ว เราก็สามารถที่จะเอามันออกมาเลยก็ได้

ใครที่ควรจะใช้ Abiliti

ใครก็ตาม ที่มีค่าดัชนีมวลกาย อยู่ที่  30-50 น่าที่จะพิจารณาการใช้ระบบ Abiliti ช่วย Abiliti น่าจะเป็นที่สนใจของคนที่อยากจะได้เครื่องมือที่ช่วยเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่การจำกัดปริมาณอาหารที่กินเข้าไปเพียงอย่างเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.abiliti.com

“ผู้เขียนบทความมิได้มีผลประโยชน์ร่วมกับ ผลิตภัณฑ์ หรือ บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ แต่อย่างใด”

 

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.